มีปัญหาเส้นผมอ่อนแอ ควรเสริมวิตามินแก้ผมร่วงตัวไหนดี 

ผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้าน นอกจากจะส่งผลต่อบุคลิกภาพ ทำให้ขาดความมั่นใจเมื่อต้องเข้าสังคม ติดต่อลูกค้า หรือพบปะผู้คนแล้ว ผมร่วง อาจมีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่กว่าจะรู้ตัว อาการผมร่วงผิดปกติ ปัญหาดังกล่าวก็อาจลุกลามจนยากเกินกว่าจะรักษาให้หายได้ 

ผมร่วงเกิดจากอะไร 

สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงเกิดเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม สภาพอากาศ มลภาวะ รังสียูวี การทำสีผม การตกแต่งผมด้วยสารเคมี การดัดผม การไดร์ผมเป็นประจำ หรือ ผลข้างเคียงจากอาการป่วย เช่น การเข้ารับรักษาด้วยการฉายรังสี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายในร่วมด้วย เช่น ความเครียด ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โรคทางภูมิคุ้มกัน SLE โรคโลหิตจาง โรคทางผิวหนัง DLE รวมไปถึงการขาดสารอาหารรุนแรง เช่น การขาดธาตุเหล็ก วิตามิน และ โปรตีน เป็นต้น 

วิตามินอะไรช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ 

อีกสาเหตุของปัญหาผมร่วง คือ ขาดวิตามิน โดยในอาหารที่เรารับประทานกันอยู่เป็นประจำ มักมีวิตามินประกอบกันอยู่หลายตัวด้วยกัน ซึ่งวิตามินที่ช่วยบำรุงรากผมและหนังศีรษะ ป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วง หรือเปราะขาดง่าย มีดังนี้ 

1. วิตามิน A

วิตามิน A คือ อาหารชั้นเลิศของเส้นผม ผิวหนัง กระดูก ฟัน และ เล็บ โดยวิตามิน A จะช่วยกระตุ้นต่อม sebum ผลิตไขมัน ทำให้หนังศีรษะชุ่มชื้น กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม สร้างรากผมให้แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แต่ถ้าได้รับวิตามินเอมากไป ก็ทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน 

อาหารที่มีวิตามิน A : น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง ถั่ว ธัญพืช นม ผักใบเขียว ไข่แดง มะเขือเทศ แครอท เนื้อปลา ร่างกายควรได้รับวิตามินเอในปริมาณ 5,000 – 10,000 มิลลิกรัม / วัน 

2. วิตามิน B รวม 

วิตามิน B ทั้งหลาย หรือ วิตามินบีรวม มีส่วนสำคัญในการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม โดยเฉพาะวิตามิน B12 ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น เพราะธาตุเหล็กมีส่วนในการช่วยทำให้ผมมีสุขภาพดี 

อาหารที่มีวิตามิน B รวม : ไข่ นม ชีส โยเกิร์ต ผักใบเขียว ถั่ว ปลา 

3. วิตามิน C 

วิตามิน C ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการดูดซึมธาตุเหล็กที่มีส่วนสำคัญต่อสุขภาพเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขาดวิตามินซี หรือได้รับไม่เพียงพอในแต่ละวัน ก็ส่งผลต่อการหลุดร่วงของเส้นผมได้เช่นกัน 

อาหารที่มีวิตามิน C : ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ฝรั่ง บรอกโคลี พริกหยวก เป็นต้น 

4. ไบโอติน หรือ วิตามิน H

วิตามิน H หรือ ไบโอติน ช่วยสร้างเกราะให้กับชั้นผิวเคราตินบนเส้นผม ทำให้เส้มผมแข็งแรง เงางาม บำรุงหนังศีรษะ ป้องกันไม่ให้ผมบาง หรือผมร่วงจนศีรษะล้าน ชะลอผมหงอกก่อนวัย หากขาดไบโอติน จะทำให้สีผมเปลี่ยน ผมบาง ผมเปราะ ขาด หรือ หลุดร่วงง่าย 

อาหารที่มีไบโอติน : ไข่แดง นม ถั่วเหลือง ธีญพืช ถั่วเปลือกแข็ง เนยถั่ว โดยปริมาณไบโอตินที่ควรได้รับ คือ วันละ 50 – 100 มิลลิกรัม 

5. ธาตุเหล็ก 

ธาตุเหล็ก (Iron) มีส่วนช่วยในการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงบริเวณหนังศีรษะและรากผมด้วยเช่นกัน หากร่างกายขาดธาตุเหล็ก หรือได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ จะทำให้บริเวณศีรษะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงบำรุง ส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ เปราะบาง ขาดหลุดร่วงได้ง่าย 

อาหารที่มีธาตุเหล็ก : ผักใบเขียว ผักโขม บรอกโคลี ผักกูด ไข่ ธัญพืช ขนมปัง เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อปลา 

6. สังกะสี หรือ ซิงค์ 

ซิงค์ (Zinc) หรือ สังกะสี คือ แร่ธาตุที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง โดยสารอาหารซิงค์จะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับผิวหนังให้สวย แข็งแรง และซิงค์ยังช่วยสร้างโปรตีนให้กับเส้นผม ทำให้ผมแข็งแรง ไม่ขาดง่าย  

อาหารที่มีซิงค์ : เห็ด เมล็ดทานตะวัน ไข่ ข้าวกล้อง ขนมปัง ชีท กุ้ง ปู เนื้อหมู และขนาดที่ร่างกายควรได้รับซิงค์ในแต่ละวัน คือ 12 – 15 มิลลิกรัม 

อย่างไรก็ตาม วิตามินและสารอาหารดังกล่าว ล้วนแต่มีส่วนช่วยในการบำรุงและดูแลสุขภาพเส้นผม หากได้รับปริมาณที่เพียงพอ ก็จะช่วยลดปัญหาเส้นผมอ่อนแอ ผมขาดร่วง ผมบาง ป้องกันศีรษะล้านได้ แต่สำหรับใครที่ต้องการผลเร็วขึ้น อาจต้องพิจารณาการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาศีรษะล้าน ผมน้อย ผมบาง โดยควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ และเพื่อความปลอดภัยควรเลือกใช้บริการกับศูนย์ปลูกผมที่มีมาตรฐานและไว้ใจได้เท่านั้น