ปัญหาผมร่วง ผมบาง เส้นผมน้อย ศีรษะล้าน หรือหน้าผากเถิก ซึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ผลข้างเคียงจากการผ่าตัด หลังการคลอดบุต อุบัตเหตุไฟไหม้เส้นผม มีอาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะ หรือผู้ที่มีฮอร์โมนผิดปกติจนทำให้ไม่มีเส้นผม หรือป่วยด้วยโรคบางชนิด เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ และ ความเครียด ซึ่งปัญหาดังกล่าวมักจะส่งผลต่อความรู้สึกและสภาพจิตใจ ทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจในตนเองด้านบุคลิกภาพ รู้สึกเป็นปมด้อยจนขาดความเชื่อมั่นเมื่อต้องเข้าสังคม และบางรายกลายเป็นคนเก็บตัว ไม่อยากออกไปพบผู้คน การปลูกผม จึงเป็นหนทางแก้ไขให้กับผู้ที่มีปัญหาต่าง ๆ บนศีรษะดังกล่าวได้อย่างถาวร ช่วยเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้เป็นอย่างดี  

การปลูกผมคืออะไร 

การปลูกผม หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Hair Transplantation คือ การศัลยกรรมทางผิวหนังชนิดหนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับศีรษะมีผมน้อยเกินไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนำเส้นผมของผู้ที่ต้องการปลูกผมมาใช้ในกระบวนการปลูกผม เสมือนเป็นการปลูกผมธรรมชาติโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย แต่การปลูกผมต้องทำในสถานพยาบาล และใช้ยาปลูกผม ยาชาเฉพาะที่ในขณะทำการปลูกผม ทุกขั้นตอนจึงต้องอยู่ในการควบคุมและกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยชาญโดยเฉพาะ 

วิธีการปลูกผม มี 2 แบบ หลัก ๆ ดังนี้ 

fue
http://rejuvenatemed.com/

1. การปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด (Follicular Extraction) หรือ FUE คือ คือ การปลูกผมถาวรแบบไร้รอยต่อ โดยการนำกอผมจากบริเวณหนังศีรษะของผู้เข้ารับการปลูกผม ฝังลงบนหนังศีรษะ ซึ่งวิธีนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ๆ ได้แก่ 

  • การปลูกผมโดยใช้รากผมในปริมาณที่มาก (Slit Gtafts) ซึ่งในแต่ละหลุมผมจะใช้รากผมประมาณ 4-10 ราก 
  • การปลูกผมโดยใช้รากผมในปริมาณที่น้อย (Micro Grafts) จะใช้รากผมเพียง 1-2 ราก / หลุม 
fut hair transplant surgery
https://www.medispaindia.in/

2. การปลูกผมแบบตัดหนังศีรษะ (Follicular Unit Strip) หรือ FUSS คือ การปลูกผมแบบนำหนังศีรษะบริเวณที่มีเส้นผมมาเย็บติดกับหนังศีรษะที่ไม่มีเส้นผม หรือมีผมน้อยมากจนสามารถมองเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน โดยมักจะเป็นการนำหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีปริมาณเส้นผมมากกว่าบริเวณอื่น ทำให้เพียงพอต่อการแบ่งไปปลูก แต่จะมีแผลเป็นจากรอยเย็บปิดแผลในบริเวณท้ายทอยที่ถูกผ่าตัด

ด้วยเหตุนี้ การปลูกผมแบบ FUE จึงได้รับความนิยมมากกว่า การปลูกผมแบบ FUSS เนื่องจากเป็นวิธีการปลูกผมแบบถาวรที่ได้ผลดีและไม่มีรอยแผลเป็นอีกด้วย 

หลังจากที่ทำการปลูกผมแบบ FUE ไปแล้วในระยะหนึ่ง เซลล์รากผมจะยึดติดกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ จนมองไม่เห็นรอยแผล เซลล์รากผมงอกใหม่จะอยู่อย่างถาวร มีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายจนทำให้เกิดผมบาง หรือก่อให้เกิดปัญหาศีรษะล้านอีก 

patient suffering from hair loss consultation with doctor doctor using skin marker

การเตรียมตัวก่อนปลูกผม 

ศัลยแพทย์จะทำการวินิจฉัยถึงสาเหตุและปัญหาก่อน หากสมควรที่จะต้องทำการปลูกผม แพทย์จะแนะนำขั้นตอนในการเตรียมตัว ซึ่งผู้จะทำการปลูกผมต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระหว่างทำการปลูกผม หรือภาวะแทรกซ้อนตามมาภายหลัง โดยการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการปลูกผมมีดังนี้ 

  • หยุดรับประทานยาต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามิน และ ยารักษาอาการเฉพาะที่บางชนิด ให้ดี ควรแจ้งแก่แพทย์ก่อนว่ากำลังใช้ยาตัวไหนอยู่บ้าง เพื่อแพทย์จะได้ให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง 
  • งดสูบบุหรี่ สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ควรทำการงดสูบอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด และ หลังจากการปลูกผมไปอีกประมาณ 1 เดือน เพราะสารนิโคตินในบุหรี่จะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง ทำให้เห็นผลช้า และทำให้ใช้ระยะเวลานานกว่าบาดแผลจากการปลูกผมหายดี 
  • สระผมให้สะอาด และ งดใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมทุกชนิด ในวันที่จะเข้าทำการปลูกผม 
  • งดการตัดผม 1 เดือนก่อนเริ่มทำการปลูกผม เพื่อให้เส้นผมมีความยาวที่เพียงพอต่อการนำมาใช้ปิดบริเวณที่ปลูกผม  
  • ไม่ควรเดินทางหรือขับรถไปปลูกผมเพียงลำพัง เพราะร่างกายอาจยังไม่ฟื้นตัวจากยาชา 100% ส่งผลต่อการควบคุมร่างกายและสติได้ไม่ดี จนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 

วิธีการปลูกผมและการดูแล

ก่อนที่จะทำการปลูกผม จะต้องทำความสะอาดหนังศีรษะเสียก่อน จากนั้นศัลยแพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณหนังศีรษะด้วยเข็มฉีดยาขนาดเล็ก เมื่อผู้เข้ารับการปลูกผมเริ่มรู้สึกชา แพทย์จะโกนผมบริเวณที่จะทำการปลูกผมออก เพื่อให้เห็นหนังศีรษะได้ชัดเจน แล้วจึงลงมือดำเนินการปลูกผมตามแต่ละวิธี หากเป็นวิธีการปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด (FUE) แพทย์จะใช้เครื่องมือดึงเอาเฉพาะเซลล์รากผมแล้วนำไปปลูกถ่ายบริเวณที่ต้องการปลูกผม โดยการใช้มีดผ่าตัดขนาดเล็กค่อย ๆ กรีดหนังศีรษะแล้วนำรากผมฝังลงไปแล้วจึงทำการเย็บปิดบาดแผล แต่ถ้าหากปลูกผมแบบผ่าตัด (FUSS) แพทย์จะผ่าตัดนำหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยย้ายไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผม แล้วจึงทำการเย็บติดและปิดแผล

close up man grooming hair

การดูแลหลังการปลูกผม และ ปลูกผมกี่เดือนขึ้น 

หลังจากทำการปลูกผม แพทย์จะทำการปิดแผลบริเวณศีรษะไว้อย่างน้อย 1-2 วัน และจ่ายยาต้านการอักเสบให้ทานต่อเนื่องหลายวัน ผู้ที่ปลูกผมอาจมีศีรษะบวม และอาจต้องใช้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ พักฟื้นประมาณ 3-5 วัน หรือประมาณ 1 สัปดาห์ ก็สามารถกลับไปทำงานได้ปกติ  

ในช่วงระหว่าง 1 เดือนแรกหลังจากการปลูกผม อาจมีอาการผมร่วงกระทันหัน ซึ่งเรียกว่า Shock Loss แต่ไม่ใช่สิ่งที่น่าวิตก เพราะจะมีผมงอกใหม่หลังจากนั้น ประมาณ 5-10 เดือน และศัลยแพทย์อาจจ่ายยาเร่งผมยาวร่วมกับยาอื่น ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผมยาวเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน 

adult male getting hair loss treatment

อาการและผลข้างเคียงที่มักพบได้หลังจากปลูกผม

การปลูกผมอาจมีภาวะแทรกซ้อนหรือเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ ผู้ทำการปลูกผมจึงควรเตรียมตัวในการรับมือ และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยอาการที่พบส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการติดเชื้อ เช่น 

  • ติดเชื้อที่หนังศีรษะ 
  • เลือดออกมากผิดปกติ 
  • หนังศีรษะบวม 
  • มีอาการคัน 
  • มีรอยแผลเป็นบนหนังศีรษะ 
  • มีแผลตกสะเก็ด 
  • รู้สึกชาบริเวณหนังศีรษะที่ทำการปลูกผม
  • มีรอยช้ำบริเวณรอบดวงตา 
  • มีอาการอักเสบหรือติดเชื้อที่ต่อมรูขุมขน 
adult male having balding problems

การปลูกผมไม่เหมาะกับใครบ้าง 

แม้ว่าการปลูกผมจะเป็นวิธีแก้ปัญหาศีรษะล้าน แต่ใช่ว่าจะเป็นวิธีที่เหมาะกับทุกคน เพราะอาจเกิดอันตรายจากการปลูกผมได้เช่นกัน ดังนั้นจึงมีข้อห้ามในการปลูกผมกับบุคคลกลุ่มต่อไปนี้ 

  • การปลูกผมผู้หญิงที่มีศีรษะล้านแบบกระจัดกระจาย หรือ มีศีรษะล้านเป็นบริเวณกว้าง 
  • ผู้ที่มีศีรษะล้านอันเนื่องมาจากการรักษาทางการแพทย์ เช่น เคมีบำบัด 
  • ผู้ที่มีปัญหาคีลอยด์ เกิดรอยแผลเป็นได้ง่ายเมื่อได้รับบาดเจ็บหรือหลังการผ่าตัด 
  • ผู้ที่มีปริมาณผมน้อยเกินไปที่จะใช้ทำการปลูกผม