ช่วงนี้กระแสเที่ยวจีนมาแรง หลังจากที่จีนได้เปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ทำให้หลายคนมีความสนใจอยากลองไปเที่ยวแดนมังกรดูบ้าง ด้วยเป็นประเทศที่มีความหลากหลาย ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และยังมีแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อมากมายให้ขาช้อปได้เพลิดเพลินกับการจับจ่าย แถมอยู่ไม่ไกลจากไทย ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวไทยต้องทำวีซ่าก่อนไปจีน แต่การทำวีซ่าเที่ยวจีนไม่ได้ยากอย่างที่คิด สำหรับคนที่ไมเ่คยไปประเทศจีน หากไม่เที่ยวจีนทัวร์ อาจคิดว่าเที่ยวจีนด้วยตัวเองน่าจะยุ่งยากและซับซ้อน เพราะภาษาที่ใช้สื่อสาร รวมไปถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ซึ่งที่จริงไม่ได้ยากอย่างที่คิด blogguan ได้นำข้อมูลต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปเที่ยวจีน และวิธีการทำวีซ่าจีนสำหรับนักท่องเที่ยวไทย เพื่อให้การเดินทางไปเยี่ยมเยือนแดนมังกรของคุณกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปเที่ยวจีน
การเตรียมตัวไปจีน สิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวต้องทำ คือ ต้องขอวีซ่าจากสถานทูตจีนเสียก่อน โดยปกติการทำวีซ่าจีนจะใช้เวลาประมาณ 4 วันทำการ แต่สำหรับผู้ที่รีบมาก ๆ หรือจำเป็นต้องใช้ด่วน สามารถขอวีซ่าจีนแบบด่วนหรือด่วนที่สุดได้ การทำวีซ่าจีนแบบด่วนจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วันทำการ ส่วนวีซ่าจีนแบบด่วนที่สุดจะใช้เวลา 1 วันทำการ ซึ่งราคาการทำวีซ่าก็จะแตกต่างกันไป โดยผู้ขอยื่นวีซ่าสามารถเลือกใช้บริการแบบเข้าประเทศจีน 1 ครั้ง , เข้าประเทศจีน 2 ครั้ง หรือเข้าประเทศจีนครึ่งปีหลายครั้ง และ เข้าประเทศจีน 1 ปี หลายครั้ง ซึ่งราคาก็จะแตกต่างด้วยเช่นกัน แต่สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกในการไปทำวีซ่าด้วยตัวเอง หรือไม่อยากยุ่งยากเรื่องการขอวีซ่า สามารถเลือกใช้บริการตัวแทนรับทำวีซ่าจีนได้เช่นกัน
วิธีการขอวีซ่าจีนต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
กรณีที่จะยื่นเรื่องทำวีซ่าเที่ยวจีนด้วยตนเองต้องใช้เอกสารดังต่อไปนี้
- แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า
- พาสปอร์ตตัวจริง หรือพาสปอร์ตเล่มเก่า (วิธีทำพาสปอร์ตแบบไม่ต้องลางาน)
- บัตรประชาชน
- รูปถ่ายภาพสี 2 ใบ (ฉากหลังเป็นพื้นสีขาว ไม่มีขอบ ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
- ใบรับรองการทำงาน (ถ้ามี)
- เอกสารแนะนำตัว
- เแผนการเดินทาง
- เอกสารจองตั๋วเครื่องบินขาไปและขากลับ
- เอกสารการจองโรงแรม
- Statement ย้อนหลัง 3 – 6 เดือน กับสมุดบัญชีเงินฝาก
- เอกสารประกันการเดินทาง (ถ้ามี)
ขั้นตอนการยื่นคำขอวีซ่าจีน
ติดต่อจองคิวทำวีซ่าจีนได้ที่ อาคารธนภูมิชั้น 5 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่
- ผู้ยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว ต้องเข้าเว็บไซต์ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศจีน ที่ Chinese visa application service center แล้วเลือกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าทางออนไลน์
- ทำการนัดหมายวัน – เวลา
- ไปตามเวลานัดหมาย รับบัตรคิว และรอยื่นเอกสารแก่เจ้าหน้าที่
- เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเอกสาร และเก็บลายนิ้วมือ
- ชำระค่าธรรมเนียม
- รอวีซ่าหลังยื่นเอกสาร
ใช้เวลารอการอนุมัติวีซ่ากี่วัน (นับจากวันยื่นที่ศูนย์วีซ่าจีน)
- วีซ่าแบบธรรมดา รอประมาณ 4 วันทำการ
- วีซ่าแบบเร่งด่วน รอประมาณ 2 – 3 วันทำการ
- วีซ่าแบบเร่งด่วนที่สุด ประมาณ 1 วันทำการ
ประเภทวีซ่าและค่าธรรมเนียม
เมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติ ผู้ยื่นจะได้รับเป็น Visa L (travel) คือ วีซ่าท่องเที่ยว โดยมีระยะเวลา 60 วัน หมายถึง ผู้ถือวีซ่าสามารถเดินทางท่องเที่ยวและพำนักในประเทศจีนได้ไม่เกิน 60 วัน นับจากวันที่เดินทางเข้าประเทศ
- ค่าธรรมเนียมเดินทางเข้า – ออกประเทศจีนครั้งเดียว 1,800 บาท และค่าบริการศูนย์รับยื่น 1,105 บาท
- ค่าธรรมเนียมเดินทางเข้า – ออกประเทสจีน 2 ครั้ง 2,800 บาท และ ค่าบริการศูนย์รับยื่น 1,105 บาท
การเดินทางไปประเทศจีน
การเดินทางจากเมืองไทยบินตรงไปประเทศจีน มีทั้งหมด 11 เมือง ได้แก่ ปักกิ่ง คุนหมิง เซิ่นเจิ้น กวางโจว ฝูโจว หางโจว ฉางชา เฉิงตู ซีอาน เซี่ยงไฮ้ และ อู่ฮั่น ส่วนราคาตั๋วเครื่องบินมีตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งมีเที่ยวบินแบบโลว์คลอส และ ฟูลเซอร์วิสให้เลือก หากโชคดีจองตั๋วในราคาโปรฯได้ ยิ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก
ก่อนเดินทางไปประเทศจีนจะต้องกรอกข้อมูล Health Declaration คือ เอกสารแบบข้อมูลแสดงเพื่อคัดกรองโรค ซึ่งเอกสารมีอายุ 24 ชั่วโมง แนะนำให้กรอกข้อมูลก่อนขึ้นเครื่อง หลังจากกรอกเสร็จจะได้ QR Code เพื่อสแกนก่อนเข้า ตม.ในประเทศจีน และ ออกจากประเทศจีน
หลังจากที่ลงเครื่องเรียบร้อยแล้ว ให้ไปบันทึกข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศจีนอีกครั้งที่เครื่อง Self Check-in ด้วยการแนบพาสปอร์ต และเก็บลายนิ้วมือ (เครื่องบันทึกคนเข้าเมืองนี้จะมีภาษาไทยให้เลือก) จากนั้นให้รับใบ Arrivel card และกรอกข้อมูลเพื่อเตรียมใช้เข้า ตม. เป็นขั้นตอนสุดท้าย และหากมีเอกสารประกอบการท่องเที่ยวก็ควรนำติดตัวไปด้วย
การใช้ชีวิตในเมืองจีนที่ควรรู้ก่อนเดินทาง
- เที่ยวจีนไม่ต้องแลกเงินสด เพราะการใช้จ่ายของจีนในปัจจุบัน ใช้ระบบ Internet Banking หรือ Mobile Banking เป็นส่วนใหญ่ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมต่อบัตรเครดิตกับแอปพลิเคชันวีแชต กับ อาลีเพย์ ซึ่งสามารถเติมเงินใส่แอปสำหรับใช้จ่ายได้เลย ส่วนขั้นตอนการจ่ายก็ง่าย เพียงแค่สแกน QR Code เท่านั้น
- ปลั๊กอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้แบบเดียวกับไทย ที่เมืองจีนจะใช้ปลั๊กรูปแบบเดียวกับไทย และบางโรงแรมมี USB – Port เตรียมไว้ให้ แต่ทางที่ดีควรเตรียม Universal Adapter แบบหัวปลั๊กที่สามารถปรับเปลี่ยนใช้ได้ทั่วโลก ติดไปด้วยเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น
- เปิดโรมมิงจากซิมมือถือที่เป็นบริการของไทย จะช่วยให้แอปพลิเคชันที่ถูกปิดกั้นจากประเทศจีนยังคงใช้ได้อยู่ จึงไม่ต้องห่วงว่าจะถูกตัดขาดจากโซเชียล เพราะแอปพลิเคชั่นและช่องทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ ในจีนแตกต่างจากเมืองไทย
- โหลดแอปพลิเคชัน Google Translate ไว้ในมือถือ และควรตั้งค่าให้ใช้งานแบบ Offline ได้ เพราะที่ประเทศจีนอนุรักษ์นิยมสูง คนจีนส่วนใหญ่สื่อสารภาษาจีน และไม่ค่อยยอมรับภาษาต่างชาติ อาจทำให้สื่อสารลำบาก หากเราไม่เข้าใจภาษาจีนหรือพูดจีนไม่ได้เลย การมีแอปแปลภาษาไว้ จะช่วยให้การเดินทางสะดวกและราบรื่นมากขึ้น
- เครดิตการ์ดใช้ไม่ได้ทุกที่ หากเป็นโซนท่องเที่ยว หรือแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ อาจมีการรองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต แต่ร้านค้าทั่วไป หรือย่านชุมชนบางแห่งอาจรับบัตร จึงต้องเช็กหรือสอบถามให้ดีก่อนใช้บริการ
- การเดินทางในประเทศจีน คนส่วนใหญ่นิยมใช้บริการรถไฟ เพราะสะดวกและราคาถูก โดยราคาค่ารถไฟเริ่มต้นที่ 3 หยวน แต่ถ้าต้องการใช้บริการรถเมล์ ราคาค่าโดยวารอยู่ที่ 2 หยวนตลอดสาย หรือประมาณ 10 – 15 บาท
- ระวังรถจักรยานยนต์บนทางเท้า คนจีนมักขี่จักรยาน หรือขับขี่มอเตอร์ไซค์บนฟุตบาท จึงต้องระมัดระวังขณะที่เดินอยู่บนทางเท้าเสมอ ไม่เช่นนั้นอาจโดนรถเฉี่ยวชนได้ตลอดเวลา
- มีกลิ่นบุหรี่แทบทุกที่ เพราะคนจีนส่วนมากนิยมสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่มวน ยาสูบ หรือบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น ผู้ที่แพ้กลิ่นบุหรี่ควรต้องทำใจ และอาจเตรียมเครื่องหอมหรือยาดมติดตัวไปด้วย