สะเดา สมุนไพรรสขม ผักพื้นบ้านสารพัดประโยชน์ คู่ครัวไทยมาช้านาน ซึ่งคนไทยแต่โบราณถือว่า สะเดา คือ พืชแห่งยาทางสมุนไพร เพราะทุกส่วนของสะเดาล้วนแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตั้งแต่ยอดอ่อน ใบสะเดา แก่น ลำต้น และตามตำราแพทย์แผนไทย รสขม คือรสชาติที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด แต่ก็เป็นรสที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบเท่าไรนัก 

สะเดามาจากไหนกันนะ 

ได้มีการค้นพบหลักกฐานในตำราสมัยอินเดียโบราณ มีการใช้ต้นสะเดาเชิงทางการแพทย์ และชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีการนำต้นสะเดาไปใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ มากมาย และโยคีบางพวกใช้กิ่งสะเดาเสียบหู (คล้ายตุ้มหู) เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้เข้าใกล้เทพเจ้าได้ นอกจากนี้ยังพบบันทึกในพุทธประวัติ เมื่อประมาณ 4,000 ปี พระพุธเจ้าได้นำต้นนิมพะ หรือ ต้นสะเดา ใช้ในการรักษาโรคมากมาย ทำให้ต้นสะเดาเป็นเป็นสัญลักษณ์แห่งการมีสุขภาพดี และเป็นต้นไม้แห่งยาที่มีอิทธิพลต่อชาวอินเดียมาจนถึงปัจจุบัน 

สะเดา มีกี่ชนิด 

สะเดาสามารถแบ่งออกได้ 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ 

  • สะเดาไทย หรือ สะเดาบ้าน
  • สะเดาอินเดีย 
  • สะเดาช้าง หรือ สะเดาเทียม

สะเดาไทยและสะเดาอินเดีย เป็นชนิดเดียวกันแต่ต่างสายพันธุ์กัน สามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณ และป่าแดงทั่วไปในประเทศไทย อินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ พม่า 

สะเดากินดิบได้ไหม 

สามารถทานสะเดาเป็นผักสดได้ และเนื่องจากสะเดาเป็นผักรสขม คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำดอกสะเดาสดและยอดอ่อนจิ้มกับน้ำปลาหวาน หรือจิ้มกับน้ำพริก ทำให้ทานง่ายขึ้นและยังได้รสอร่อยอีกด้วย 

ประโยชน์การกินสะเดาดียังไง 

จากข้อมูลสาธารณสุข เผยว่า ดอกสะเดาสรรพคุณไปด้วยสารอาหาร โปรตีน แร่ธาตุ และวิตามินต่อร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งเป็นสารสำคัญต่อการชะลอการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยปองกันโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ช่วยป้องกันมลพิษจากสิ่งแวดล้อม และชะลอความเสื่อมของเซลล์ร่างกาย (ชะลอความชรา)  

สะเดารักษาโรคอะไรได้บ้าง

เรามาดูกันว่ากินสะเดาแก้อะไรได้บ้าง 

  • ช่วยบำรุงธาตุไฟ บำรุงโลหิต (ใบ , แก่น) 
  • ช่วยขับน้ำย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดีขี้น (ใบ , แก่น) 
  • น้ำตาลหมักจากลำต้นสะเดา ช่วยลำรุงร่างกาย (ลำต้น) 
  • บำรุงสายตา (ยอดอ่อน) 
  • แก้โรคผิวหนัง ปรับสมดุลน้ำเหลือง รักษาแผลพุพอง (ใบอ่อน) 
  • บรรเทาอาการเลือดกำเดาไหล คันคอ แก้ริดสีดวง (ดอก) 
  • บำรุงหัวใจ แก้อาการหัวใจเต้นผิดปกติ แก้ลม เป็นยาระบาย (ผล) 
  • ช่วยเจริญอาหาร ฆ่าพยาธิ แกปัสสาวะขัด แก้ริดสีดวง (ผลอ่อน) 
  • แก้ไข้ บิดมูกเลือด แก้ท้องร่วง แก้กษัย โรคซูบผอมแห้งแรงน้อย ลดเสมหะ แก้อาการ้องเดอน แก้บิด มูกเลือด (เปลือกต้น) 
  • แก้เสมหะในลำคอ แก้เสมหะในทรวงอก แก้ไข้ แก้ไอ (ราก) 
  • ใช้ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ (ยาง)  
  • เมล็ดสะเดา นำมาสกัดเป็นน้ำมัน ใช้บำรุงผิวพรรณ เส้นผม และใช้เป็นยาฆ่าแมลง 

วิธีกินสะเดาเพื่อสรรพคุณทางยา 

  • มีไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ใช้ยอดอ่อน หรือดอกลวกจิ้ม กินกับน้ำพริก อาการจะบรรเทาภายใน 24 ชั่วโมง หรือนำก้านและดอกตากแดดจนแห้ง ต้มกับน้ำเปล่า (ประมาณ 3 แก้ว) ต้มจนให้งวดเหลือพอดื่ม 1 แก้ว แล้วดื่มขณะอุ่น ๆ ก่อนอาหาร ไข้จะหายภายใน 3 วัน หรืออีกสูตรหนึ่งคือ นำรากสะเดาประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำจนเดือดนานประมาณ 10-15 นาที ดื่มก่อนหรือหลังอาหาร ครั้งละ ½ แก้ว ทุก ๆ 4 ชั่วโมง จะช่วยลดความร้อนในร่างกาย จนอาการไข้หายในที่สุด 
  • แก้อาการไอ ขับเสมหะ ใช้รากสะเดา 1 กำมือ ต้มกับน้ำเปล่าที่ใส่พอท่วม ต้มเดือดประมาณ 10-15 นาที ดื่มขณะอุ่น ๆ ก่อนอาหาร 1 แก้ว วันละ 3 เวลา ติดต่อกันจนกว่าอาการไอจะหาย (แต่ไม่ควร 4 วัน) และเสมหะที่ติดคอจะถูกขับออกมา 
  • ดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย นำใบสะเดาต้มในน้ำร้อน จิบอย่างน้อยวันละครั้ง ช่วยล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย กระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนดีขึ้น นอนหลับสบาย 
  • ปากเปื่อย ริมฝีปากเป็นแผล มีอาการเจ็บแผลเมื่อกินรสจัด ใช้ใบสะเดา ใบพริกขี้หนู และ รากกระเทียม ปริมาณเท่า ๆ กัน นำมาหั่นเป็นฝอยแล้วตากแห้ง ไว้มวนสูบ
  • โรครำมะนาด เหงือกอักเสบ ใช้เปลือกสะเดาต้มกับเกลือประมาณ 10-15 นาที แล้วอมวันละ 2-3 ครั้ง 
  • แก้บิด บิดเป็นมูกเลือด ใช้เปลือกสะเดา 1 ชิ้น ขนาดเท่าฝ่ามือ ต้มกับน้ำสะอาด 2 แก้ว ต้มให้เดือดประมาณ 10 นาที ดื่มครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง 
  • ปวดท้อง ริดสีดวงในลำไส้ ปวดเจ็บลำไส้ ถ่ายเป็นเลือด ให้ฝนรากสะเดาใส่น้ำมะพร้าว แล้วดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลา 
  • เคืองตา แสบตา ตาอักเสบ ต้มใบสะเดาสดประมาณ 10 นาที ทิ้งให้เย็น แล้วนำน้ำต้มมาล้างตา เพื่อรักษาอาการเคืองตา และโรคติดเชื้อได้ดี 
  • รังแค คันศีรษะ หนังศีรษะแห้งเป็นขุย ใช้น้ำต้มใบสะเดาล้างหลังสระผม ช่วยกำจัดแบคทีเรียบนหนังศีรษะ

สะเดาแก้โรคเบาหวานได้ไหม 

สะเดาผักรสขม ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยจะไปยับยั้งการผลิตอินซูลินได้กว่าร้อยละ 50 กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันกันโรค และช่วยปรับสมดุลความอยากอาหาร หากนำใบสะเดาต้มกินทุกวัน โดยใช้ใบสะเดา 1 กำมือ ต้มน้ำให้เดือด แล้วดื่มก่อนอาหาร วันละ 3 ครั้ง จะช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ 

โรคอะไรห้ามกินสะเดา 

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ทำให้รู้ว่า สะเดา เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ทางยามากมาย แล้วโทษของสะเดาหรือ การกินสะเดาข้อควรระวังมีบ้างไหม โรคไตกินสะเดาได้ไหม 

แม้ว่า สะเดา จะเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ทางยามากมาย แต่โทษของสะเดาก็มีเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยหรือมีโรคประจำตัวต่อไปนี้ 

  • ผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากสะเดามีโพแทสเซียมสูง จึงส่งผลต่อภาวะไตได้ 
  • ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน หรือมีอาการกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงการทานสะเดา เพราะรสขมของสะเดาจะไปกระตุ้นการสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร 
  • โรคความดันต่ำ 

นอกจากนี้ การกินสะเดาข้อควรระวัง คือ สตรีให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงในการกินสะเดา เพราะสะเดาทำให้ร่างกายเย็นลง ส่งผลต่อระบบการผลิตน้ำนม ทำให้น้ำนมแห้ง ไม่มีนมป้อนทารก