ช่วงนี้มีหลายคนแพ้ฝุ่นหนักมาก โดยเฉพาะช่วงที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 ออกอาละวาดจนแทบไม่เห็นสีแท้จริงของท้องฟ้ากันเลย ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ไปตาม ๆ กัน หลายคนที่แพ้ฝุ่น ไอ จาม น้ำมูกไหล แสบตา น้ำตาไหล แต่อาการแพ้ฝุ่น ผิวหนังของเราได้รับผลกระทบเช่นกัน และจะส่งสัญญาณเตือนให้รู้ เพราะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยสังเกตได้จากอาการต่าง ๆ ต่อไปนี้
- ผิวหนังเป็นตุ่ม นูน หรือ นูนแดง
- ผิวแห้ง ลอก เพราะ ขาดความชุ่มชื้น
- ผิวหนังมีผดผื่นขึ้น อาจเป็นจุดแดงเล็ก ๆ หรือแดงเป็นปื้น
- ผิวอ่อนแอ ไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าปกติ
- หน้าแดง ระคายเคืองและรู้สึกแสบหน้า
- มีอาการคันยุบยิบแทบตลอดเวลา
- มีสิวอุดตันขึ้น และหายช้า และเป็นมากเมื่อเจอมลภาวะ
- มีสิวอักเสบ บวมแดง นูน
- ผิวขรุขระ ไม่เรียบเนียน
- แม้จะลงมอยเจอร์บำรุงเท่าไร แต่ผิวก็ยังขาดความชุ่มชื้น
- ลงสกินแคร์ หรือบำรุงด้วยมอยเจอร์ฯ แค่ไหนก็ไม่ได้ผล
วิธีรักษาอาการแพ้ฝุ่น
- งดอาบน้ำอุ่น ในช่วงที่มีอาการแพ้ฝุ่น เพราะอุณหภูมิของน้ำอุ่นจะยิ่งทำให้ผิวของเราแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ทำให้ยิ่งผิวหนังระคายเคืองมากขึ้น แต่ควรอาบน้ำเย็น และใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวนุ่ม และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง อาจเป็นสบู่รักษาอาการคัน ผดผื่นหรือครีมที่เหมาะกับผิวหนังแห้ง แดง
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ
- อาจทานวิตามินเสริม เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน
- อาจพิจารณา เครื่องฟอกอากาศ คุณภาพดี ราคาเหมาะสม เพื่อเป็นตัวช่วยภายในบ้าน
- สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน หรือต้องไปในที่สาธารณะ สถานที่กลางแจ้ง
- หากจำเป็นต้องออกไปในที่กลางแจ้ง สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด ป้องกันฝุ่นสัมผัสโดนผิวหนังโดยตรง
- หลีกเลี่ยงหรืองดทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน
- เมื่อกลับถึงบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้า หรืออาบน้ำและสระผมทันที ป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของฝุ่นละอองที่ติดตัวและเสื้อผ้ามาจากข้างนอก
- แยกซักเสื้อผ้าที่ใส่ออกไปข้างนอกจากผ้าอื่น ๆ และควรรีบซักทันที ป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมฝุ่นจนอาจทำให้แพ้ฝุ่นในบ้านไปด้วย
ดังนั้น หากมีอาการอย่างที่กล่าวมาข้างต้น แม้ว่าจะไม่รุนแรง แต่ก็ต้องรีบดูแลตัวเองและป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ ก่อนที่ฝุ่น PM 2.5 จะก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โดยเฉพาะ โรคที่เกี่ยวกับปอด อย่าง โรคปอด หรือมะเร็งปอด การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข หรืออาจสายเกินแก้นะคะ