ทุกคนรู้หรือไม่ว่า “พิษแมงป่อง” เป็นพิษที่แพงที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทำราคาได้สูงสุดถึง 1.4 พันล้านบาท ($39 ล้านดอลล่าสหรัฐฯ) ต่อแกลลอนเลยทีเดียว แต่ถ้าใครคิดว่านี่เป็นวิธีรวยทางลัดก็บอกเลยว่าไม่ใช่แน่ เผลอๆ นั่งทำงานในออฟฟิศยังสบายกว่าด้วยซ้ำ แต่ทำไมพิษแมงป่องถึงได้มีความต้องการสูงถึงขนาดกลายเป็นพิษที่แพงที่สุดในโลกเลยล่ะ มาลองหาคำตอบดูกัน
พิษแมงป่องพันธุ์ไหนที่ขายได้?
ที่บอกว่าทำงานที่ออฟฟิศยังง่ายกว่าก็เพราะว่าพิษแมงป่องที่เป็นที่ต้องการต้องมาจากสายพันธุ์ Deathstalker เท่านั้น เพราะได้ชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีพิษอันตรายที่สุดในโลก แม้ว่าปกติมันจะไม่ร้ายแรงพอจะฆ่ามนุษย์ที่มีสุขภาพดีได้ แต่ถ้าเป็นเด็ก คนเฒ่าคนแก่ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านหัวใจก็ไม่แน่ โดยเมื่อถูกต่อย นอกจากจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ยังทำให้เกิดอาการแพ้ไปทั้งตัว มือบวม เท้าบวม และตาบวมได้ ทำให้ผู้ที่มีอาการเป็นโรคภูมิแพ้กลายเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงพอๆ กับเด็กและคนแก่
นอกจากนั้น Deathstalker ยังเป็นสายพันธุ์ที่หายากสุดๆ เพราะถิ่นที่อยู่อาศัยมักจะเป็นแถบทะเลทราย หรือพื้นที่ราบพุ่มไม้ที่มีสภาพภูมิอากาศแบบแห้งอย่างเช่นในตอนเหนือของทวีปแอฟริกา (แถบทะเลทรายซาฮาร่า) และตะวันออกกลาง ซึ่งนอกจากจะพบเจอได้ยากแล้ว การรีดพิษของมันก็ยากไม่แพ้กัน เพราะแมงป่ง Deathstalker 1 ตัว จะสามารถรีดพิษออกมาได้เพียง 2 มิลลิกรัมเท่านั้น และถ้าคุณคิดอยากจะรีดให้ได้ถึง 1 แกลลอน ก็ขอให้โชคดีกับการตามหา Deathstalker ให้ได้ซัก 1.3 พันล้านตัว (เฉลี่ยตกตัวละบาท!)
ทำไมพิษแมงป่อง Deathstalker ถึงแพง?
ที่พิษของงแมงป่อง Deathstalker เป็นที่ต้องการขนาดนั้น คุณ สตีฟ ทริม (Steve Trim) ผู้ก่่อตั้งบริษัท Venomtech บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากพิษของสัตว์ ได้ระบุเอาไว้ว่า เพราะพิษของแมงป่อง Deathstalker มีคุณสมบัติในการวิจัยเกี่ยวกับยาต้านมะเร็ง รวมถึงอีกหลายๆ โรคที่ยังหาทางรักษาไม่ได้
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ส่วนผสมของ คลอโรท็อกซิน (Chlorotoxins) ที่อยู่ในพิษของแมงป่อง Deathstalker มีความสามารถในการต่อสู้กับมะเร็งบางชนิดในสมองและกระดูกสันหลังหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งส่วนผสมดังกล่าวสามารถพบได้ในแมงป่องสายพันธุ์นี้เท่านั้น
ทั้งความหายาก สามารถผลิตในปริมาณน้อย อีกทั้งยังเป็นสารชนิดเดียวที่สายพันธุ์นี้ผลิตได้ ทำให้ Deathstalker กลายเป็นแมงป่องที่มีมูงค่าสูงลิบอย่างเช่นในปัจจุบัน